การเดินทางของเรา

ที่ Maurice Lacroix เราเชื่อมั่นว่าการประสบความสําเร็จคือการเดินทาง ไม่ใช่จุดหมายปลายทาง เราไม่เคยหยุดพัฒนาแต่ก้าวต่อไปเสมอเพื่อความเป็นเลิศ และตลอดเส้นทางเรายังคงค้นหาเทคโนโลยีใหม่ ความคิดใหม่ๆ และผลิตนาฬิการุ่นใหม่ที่ให้มูลค่าสูงแก่ผู้รับต่อไปเรื่อยๆ

1975

เราเริ่มต้นการเดินทางในปีนี้ด้วยการผลิตนาฬิกาเรือนแรกของเรา ตั้งแต่แรกเริ่ม จุดมุ่งหมายของเราเป็นที่ประจักษ์ชัด นั่นคือการทําให้นาฬิกามีคุณภาพ ผ่านการทดสอบสู่มาตรฐานที่เข้มงวดและให้มูลค่าสูงแก่ผู้รับ

ช่วงทศวรรษ 1990

ในช่วงเวลานี้ เราเพลิดเพลินไปกับความสําเร็จของรุ่น Calypso เป็นอย่างมาก ซึ่งเป็นรุ่นที่ผลิตมาก่อนนี้ที่ได้สร้างแรงบันดาลใจให้กับคอลเลคชั่น AIKON ที่เปิดตัวครั้งแรกในปี 2016

2004

เราได้ลงนามในความร่วมมือกับนักเทนนิสชาวสวิส Roger Federer เป็นเวลา 3 ปี ซึ่งในเวลานั้น Federer ได้รับการยกย่องมือวางอันดับหนึ่งโดย Association of Tennis Professionals (ATP) และจากนั้นก็ยังคงรักษอันดับนี้ต่อไปได้เป็นเวลาหลายปี เมื่อได้เห็นความสามารถของ Roger Federer และเข้าใจถึงแรงขับเคลื่อนที่นำไปสู่ความสำเร็จของเขา เราจึงผลิตนาฬิการุ่น Roger Federer ขึ้นและให้เขามีส่วนร่วมในงานอีเวนต์และกิจกรรมส่งเสริมการขายมากมาย

2006

เราแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของเราด้วยการเปิดตัวนาฬิกา Le Chronographe ซึ่งเป็นรุ่นแรกที่ใช้กลไกคาลิเบอร์ของแบรนด์เอง ในขณะที่เราก้าวไปข้างหน้า เราก็ได้ลงทุนกับการสร้างสรรค์กลไกเพิ่มขึ้น ซึ่งบางชิ้นได้ถูกนำไปใช้ในคอลเลคชั่น AIKON และ MASTERPIECE

2011

ในช่วงแรกนั้น DKSH บริษัทระดับโลกที่มีความสนใจในสินค้า การดูแลสุขภาพ วัตถุดิบและเทคโนโลยี ได้สิทธิ์พิเศษในการทำตลาดและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ Maurice Lacroix ในเอเชีย (2008) สามปีต่อมา DKSH ได้ซื้อกิจการส่วนใหญ่ในบริษัทของเราในฐานะส่วนหนึ่งของการขยายกิจการของบริษัทในภาคอุตสาหกรรมนาฬิกาหรู

2014

เราได้เซ็นสัญญาพันธมิตรร่วมกับสโมสรฟุตบอล Barcelona เป็นระยะเวลา 3 ปี และได้กลายเป็น 'พันธมิตรด้านนาฬิกาของสโมสร Barcelona อย่างเป็นทางการ’ ตามข้อตกลงฉบับนี้ เราได้เชิญผู้เล่น 25 คนมาร่วมเป็นผู้อํานวยการฝ่ายสร้างสรรค์และตกแต่งนาฬิกา PONTOS S ในสไตล์ของพวกเขาเอง ผู้เล่นแต่ละคนจะมีโอกาสเลือกผิวสัมผัสของตัวเรือน รวมทั้งสีของเข็มนาฬิกา หลักชั่วโมง หน้าปัด สีของหน้าปัด แม้กระทั่งการเย็บด้ายตกแต่งสาย

2016

ด้วยแรงบันดาลใจจากนาฬิกา Calypose ยุค 1990 ของรุ่น AIKON ที่ถูกจัดวางซ้อนกันกลายเป็นนวัตกรรมสายที่ง่ายด้วยระบบปรับสายที่ออกแบบมาอย่างชาญฉลาดอันเป็นนวัตกรรมใหม่ คุณสมบัติอันชาญฉลาดที่ช่วยให้เจ้าของนาฬิกาสามารถใช้งานได้หลากหลายวิธีที่ไม่เคยมีมาก่อน คอลเลคชั่น AIKON ที่เปิดตัวครั้งแรกในปี 2016 พร้อมกลไกระบบควอตซ์ ได้เพิ่มสีสัน ลูกเล่น ขนาด และวัสดุที่หลากหลาย ซึ่งขณะนี้เป็นนาฬิกาที่ขายดีที่สุดของเรา

2018

เราได้มีส่วนร่วมกับกลุ่มมิลเลนเนียล ไม่ใช่แค่เพียงในคอลเลคชั่น AIKON ในธีมสังคมเมืองของเราเท่านั้น แต่รวมถึงกิจกรรมส่งเสริมการขายของเราด้วย #CHASEYOURWATCH เป็นแนวคิดที่เป็นนวัตกรรมใหม่ในการตามล่าสมบัติทั่วโลกซึ่งกระจายไปในสามทวีปและสี่เมือง การแข่งขันได้เสร็จสิ้นลงที่ Baselworld 2018 ด้วยการที่ผู้เช้าชิงชัยกลุ่มสุดท้ายเแข่งขันกันเพื่อชิงรางวัลนาฬิกา AIKON รุ่นลิมิเต็ด เอดิชั่นหนึ่งในสี่เรือน

2019

#Timecode เป็นเกมออนไลน์ มีเป้าหมายเพื่อสร้างความสัมพันธ์กับกลุ่มมิลเลนเนียล การผจญภัยออนไลน์นี้เป็นเป็นเกมแบบอินเตอร์แอคทีฟเกมแรกจากแบรนด์นาฬิกา และมีการเชิญชวนให้ผู้เล่นมาตามหารหัสเวลาบนแผนที่ที่เปลี่ยนแปลงสถานที่อยู่ตลอดเวลา หรือเผยคำใบ้ผ่านช่องทางบนโซเชียลมีเดีย ผู้เล่นที่สะสมรหัสเวลาได้มากที่สุดตอนจบเกมจะได้รางวัลเป็นนาฬิกาลิมิเต็ด เอดิชั่นรุ่น AIKON Venturer หนึ่งใน 500 เรือน

2019

ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของ ‘กลยุทธ์ในเมือง’ เราก็ได้พบกับทีม ML ซึ่งเป็นกลุ่มคนที่มีความสามารถจากทั่วทุกมุมโลก การสานต่อความสัมพันธ์นี้คือความมุ่งมั่นอย่างแท้จริงที่จะร่วมเดินทางไปกับบุคคลที่มีพรสวรรค์ ที่มาจากภูมิหลังที่หลากหลายและติดตามเส้นทางการเดินทางของพวกเขา เราพร้อมอยู่เคียงข้างทีม ML เสมอไม่ว่าจะทุกข์หรือสุข และทำงานร่วมกันในขณะที่พวกเขาไล่ตามเป้าหมายของตัวเอง ทีมลูซานน์ 3 x 3 คือความร่วมมือแรกที่ได้รับเลือกมาจากค่านิยมที่เรามีร่วมกัน

2022

เราทํางานร่วมกับ #Tide ผู้เชี่ยวชาญในการ ‘ใช้ประโยชน์จากขยะพลาสติกในทะเล’ และเปิดตัวคอลเลคชั่น AIKON #Tide นาฬิการุ่นนี้ที่มาในธีมเมืองและมีสีสว่างสดใสถูกผลิตขึ้นจากเส้นใยไฟเบอร์กลาสจากขยะพลาสติกในทะเลของโครงการ #tide การใช้วัสดุชนิดนี้ยังแผ่ขยายไปยังบรรจุภัณฑ์ อันที่จริง นาฬิกาแต่ละเรือนนั้นต้องใช้ขวดจำนวน 17 ขวดในการผลิต ทำให้จำนวนขวด PET ในมหาสมุทรลงได้ 17 ขวดโดยอัตโนมัติ เพื่อสนับสนุนโครงการนี้ เราได้ให้เงินทุนแก่คลังสินค้า เรือหางยาว อุปกรณ์ และโครงการเพื่อการศึกษาต่างๆ นอกจากนี้เราก็มุ่งมั่นในการตามหาขวดพลาสติก 10 ล้านขวดจากทะเลรอบประเทศไทย

“นับตั้งแต่ปี 1975 เราได้สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ใหม่ที่น่าสนใจมากมาย รวมถึงการมีส่วนร่วมกับผู้ชมรุ่นใหม่โดยการใช้กลยุทธ์ทางจินตนาการในด้านโปรโมชั่น นอกจากนี้ เรายังพยายามลดผลกระทบของกิจกรรมของเราที่มีต่อสภาพแวดล้อมโดยการแนะนําโครงการริเริ่มด้านความยั่งยืน เช่น #tide

ความเชี่ยวชาญของเราเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางในอุตสาหกรรมนาฬิกา เราจึงได้รับความไว้วางใจให้การรังสรรค์นาฬิกาให้แก่แบรนด์อื่น อย่างไรก็ตาม เราได้ดําเนินการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์เพื่อผลิตนาฬิกาที่ใช้ชื่อของเราเอง นอกจากนี้เราก็ได้พัฒนากลไกเองในบริษัทซึ่งเป็นการก้าวใหม่ที่กล้าหาญในตอนนั้น เราได้แสดงถึงความคิดสร้างสรรค์ของเราอยู่เรื่อยๆ จนได้นาฬิกาอันไอคอนิกอย่างเช่นรุ่น Masterpiece รุ่น Calypso และในปัจจุบันก็คือรุ่น AIKON ตลอดประวัติศาสตร์ของเรา เราได้ปรับปรุงผลิตภัณฑ์ให้ดียิ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง ด้วยการขัดเกลาดีไซน์ ใช้วัสดุใหม่ๆ และคิดค้นไอเดียที่ช่วยเสิรมประสบการณ์ในการเป็นเจ้าของให้ดีขึ้น เรายังได้สร้างสรรค์สิ่งใหม่เมื่อพูดถึงการตลาดในการเป็นพันธมิตรกับสโมสรฟุตบอล Barcelona และดึงดูดใจวัยมิลเลนเนียลด้วย #CHASEOURWATCH, #Timecode, ทีม ML และการรับเอาธีมในเมืองมาใช้ การสนับสนุนทุกสิ่งที่เราทํานั้นคือผลิตภัณฑ์ที่เราสร้างขึ้นมา พวกเขาผสมผสานดีไซน์สุดพิเศษ ฟังก์ชั่นการทํางานและคุณภาพเข้าด้วยกัน ในขณะเดียวกันก็รักษาชื่อเสียงของเราในการให้มูลค่าสูงแก่ผู้รับ

เรามาไกลมากจากจุดเริ่มต้น ได้ผลิตนาฬิกาที่สะเทือนวงการมามากมาย ได้ความคิดริเริ่มที่ชาญฉลาดและโอบรับความยั่งยืนอย่างเต็มใจ การเดินทางของเรายังไม่จบ และเราก็เชื่อว่าการประสบความสําเร็จคือการเดินทาง ไม่ใช่จุดหมายปลายทาง”

Stéphane Waser กรรมการผู้จัดการบริษัท Maurice Lacroix

ค้นหาบูติค

ค้นหาตามประเทศ เมือง หรือรหัสไปรษณีย์ที่ใกล้คุณที่สุด

หรือ