23 April 2024

AIKON Automatic Bronze

ความสุขุมอันคลาสสิกที่มีหัวใจความเป็นเมือง

นาฬิกา AIKON Automatic Bronze รุ่นใหม่ใช้ประโยชน์จากการผสานเข้าด้วยกันอย่างเป็นธรรมชาติของโลหะกับสีน้ำตาลเพื่อขับความงดงามออกมาอย่างล้ำสมัย ลาย Clous de Paris ของหน้าปัดที่มีการไล่ระดับสีแบบ fumé พร้อมหลักชั่วโมงแบบแท่งที่ไม่ได้เป็นเพียงความงดงามตามแบบฉบับของคอลเลคชั่นเท่านั้นแต่ยังทำให้ดูทันสมัยขึ้นด้วย และตามธรรมเนียมที่เป็นมาทำให้ซีรีส์ใหม่นี้มีจำนวนจำกัดเช่นกัน: 888 เรือน

ความสร้างสรรค์คือการกล้าที่จะท้าทาย

ในปี 2016 เมื่อมอริส ลาครัวซ์ (Maurice Lacroix) เปิดตัวรุ่น AIKON ที่เป็นการออกแบบรุ่น Calypso ซึ่งเป็นหนึ่งในรุ่นที่ขายดีที่สุดในช่วงปี 1990 ขึ้นมาใหม่อย่างกล้าหาญ พวกเขาแทบจะไม่กล้าจินตนาการว่ามันจะกลายเป็นหนึ่งในนาฬิการุ่นสำคัญของแบรนด์ อีกหนึ่งรุ่นที่ถือกำเนิดขึ้นหลังจากนั้นหนึ่งปี ในปี 2017 มอริส ลาครัวซ์ เป็นหนึ่งในแบรนด์แรกๆ ที่นำโลหะที่เกือบจะถูกลืมกลับมาใช้ในการผลิตนาฬิกาหรูอย่าง AIKON Bronze ในวันนี้ นาฬิกา AIKON Automatic Bronze ยังคงสานต่อมรดกอันล้ำค่าที่มีความน่าสนใจในเรื่องความสวยงามอันประณีตที่มาพร้อมความโดดเด่นและเฉียบคมอย่างล้ำสมัย เพื่อสะท้อนแนวคิดนี้ ความเป็นมาของโลหะที่เป็นดั่งพื้นฐานสำคัญของความเจริญรุ่งเรืองของมนุษย์นั้นน่าดึงดูดใจมากพอกันกับคุณสมบัติตามธรรมชาติของมันที่สามารถสร้างพาทิน่าที่โดดเด่นได้เมื่อเวลาผ่านไปซึ่งเป็นผลโดยตรงที่เกิดจากวิธีการ ช่วงเวลา สถานที่ และผู้สวมใส่นาฬิกาซึ่งนำไปสู่รูปแบบการสร้างคาแรคเตอร์เฉพาะตัวที่สุดยอดแบบหนึ่ง

ตัวเรือนสีบรอนซ์

นาฬิกา AIKON Automatic Bronze มาพร้อมตัวเรือนสีบรอนซ์ปัดเงาที่แข็งแกร่งขนาด 42 มม. มีตัวคั่นพ่นทรายบนขอบหน้าปัดที่ช่วยเพิ่มมิติและเอกลักษณ์ให้แก่นาฬิกา ด้วยความสูงของตัวเรือนที่ 11 มม. การอวดโฉมบนข้อมือจึงยังคงความละเอียดอ่อนและเรียบหรูทว่าโดดเด่น ฝาหลังตัวเรือนแบบเปิดทำจากสแตนเลสสตีลให้มุมมองอันน่าทึ่งของการทำงานภายในนาฬิกา ด้วยคุณสมบัติในการกันน้ำระดับ 20 ATM ทำให้นาฬิกา AIKON Automatic Bronze นั้นพร้อมสำหรับการผจญภัยในทุกสภาพแวดล้อม

หน้าปัดที่เพียบพร้อม

นาฬิกา AIKON Automatic Bronze ก้าวเข้าสู่ความล้ำลึกด้วยหน้าปัดไล่ระดับสีสโมคช็อกโกแลต โดยรุ่นสีบรอนซ์ก่อนหน้านี้มีหน้าปัด quadrillé สีน้ำเงินเข้มซึ่งมาพร้อมเลขอารบิกที่ตำแหน่ง 12, 6 และ 9 นาฬิกา ผิวสัมผัสแบบ Clous de Paris ช่วยเพิ่มมิติและความซับซ้อน พร้อมด้วยโลโก้มอริส ลาครัวซ์อันแวววาวทำจากทองคำ 4N เคลือบ PVD ที่ตำแหน่ง 12 นาฬิกา เป็นการหยอกล้อกันระหว่างแสงและเงาในขณะที่เข็มบอกชั่วโมง นาที และวินาทีที่ทำจากทองคำ 4N เคลื่อนไหวไปตามหลักชั่วโมงที่ทำจากทองคำ 4N เช่นกัน Super-LumiNova®สีขาวที่บรรจุลงในหลักชั่วโมงและเข็มชั่วโมงกับนาทีทำให้แน่ใจได้ว่าจะสามารถอ่านค่าได้ดีที่สุดอย่างรวดเร็วแม้กระทั่งในที่ที่มีแสงน้อย ยิ่งไปกว่านั้นยังช่วยเพิ่มลักษณะเด่นที่เกิดจากการผสมผสานของเฉดสีและผิวสัมผัสแบบต่างๆ

ความเที่ยงตรงถึงภายใน

Maurice Lacroix ร่วมงานกับผู้เชี่ยวชาญในการผลิตอย่าง Sellita เพื่อพัฒนาคาลิเบอร์ Automatic ML115 รุ่นพิเศษที่อ้างอิงมาจากรุ่น SW200 อันเป็นที่เลื่องลือ เพื่อเป็นไปตามมาตรฐานที่แม่นยำความเที่ยงตรงในการบอกเวลาของมอริส ลาครัวซ์กลไกที่มาพร้อมส่วนประกอบชุบโรเดียมนั้นมีลวดลายขดแบบ colimaçonnage และผิวสัมผัสวงกลมลาย perlage โรเตอร์ที่สามารถมองเห็นได้ผ่านฝาหลังตัวเรือนแบบเปิดประดับด้วยโลโก้ของ Maurice Lacroix จังหวะของนาฬิกาเรือนนี้เดินอย่างมั่นคงที่แรงสั่นสะเทือน 28,800 ครั้งต่อชั่วโมงเพื่อให้ได้ความแม่นยำที่น่าเชื่อถือพร้อมการสำรองพลังงาน 38 ชั่วโมง

สวมใส่อย่างแน่นหนาด้วยความตัั้งใจ

สายหนังวินเทจแบบ integrated สีน้ำตาลตกแต่งด้วยตราสัญลักษณ์ M ทำจากทองคำ 4N เน้นย้ำถึงแนวคิดความโฉบเฉี่ยวอันประณีตล้ำสมัย ในขณะเดียวกันก็เป็นการเสริมความโดดเด่นแบบธรรมชาติให้แค่ตัวเรือนสีบรอนซ์ที่เข้ากันกับพาทิน่าที่กำลังเกิดขึ้นบนนาฬิกา การเดินด้ายสีเทาอ่อนให้สีสันตัดกันที่ทั้งแยบยลและเด่นชัด อีกทั้งยังล้ำลึกอย่างปฏิเสธไม่ได้ เอกสิทธิ์ในระบบ EasyStrap ของมอริส ลาครัวซ์ช่วยเพิ่มความสะดวกในการใช้งาน ทำให้ผู้สวมใส่สามารถเปลี่ยนสายนาฬิกาได้ภายในไม่กี่วินาทีเพื่อให้เข้ากับช่วงเวลา สถานที่ และอารมณ์โดยไม่ต้องใช้อุปกรณ์พิเศษ

ใหม่
รุ่น Limited Edition
⌀42 mm มม.
94.900,00 ฿