25 มีนาคม 2025

The 1975 Collection

ฉลองครบรอบ 50 ปี ด้วยคอลเลคชั่น 1975 เรือนเวลาคลาสสิกเหนือกาลเวลา

มอริส ลาครัวซ์ (Maurice Lacroix) เฉลิมฉลองเนื่องในโอกาสครบรอบ 50 ปี โดยแบรนด์ได้เริ่มต้นปีด้วยกำหนดการเปิดตัวเรือนเวลารุ่นใหม่หลายรุ่นจากคอลเลคชั่น 1975 ที่มาพร้อมกับนาฬิกากลไกอัตโนมัติ และระบบควอตซ์ ซึ่งนาฬิกาคอลเลคชั่น 1975 นี้ ได้รับการออกแบบมาอย่างหรูหราและโฉบเฉี่ยวเพื่อให้ความรู้สึกแบบวินเทจและเสน่ห์ที่อยู่เหนือกาลเวลา ถึงแม้ว่าคอลเลคชั่น 1975 นี้ จะเป็นคอลเลคชั่นใหม่ แต่ก็เปี่ยมด้วยเอกลักษณ์อันคุ้นเคยของ มอริส ลาครัวซ์ ที่ดูเรียบหรู ปราณีต และมอบคุณค่าในระดับสูง

ใหม่ - The 1975 Collection ใหม่ - The 1975 Collection

ใหม่ - The 1975 Collection

มอริส ลาครัวซ์ (Maurice Lacroix) เฉลิมฉลองเนื่องในโอกาสครบรอบ 50 ปี โดยแบรนด์ได้เริ่มต้นปีด้วยกำหนดการเปิดตัวเรือนเวลารุ่นใหม่หลายรุ่นจากคอลเลคชั่น 1975 ที่มาพร้อมกับนาฬิกากลไกอัตโนมัติ และระบบควอตซ์ ซึ่งนาฬิกาคอลเลคชั่น 1975 นี้ ได้รับการออกแบบมาอย่างหรูหราและโฉบเฉี่ยวเพื่อให้ความรู้สึกแบบวินเทจและเสน่ห์ที่อยู่เหนือกาลเวลา ถึงแม้ว่าคอลเลคชั่น 1975 นี้ จะเป็นคอลเลคชั่นใหม่ แต่ก็เปี่ยมด้วยเอกลักษณ์อันคุ้นเคยของ มอริส ลาครัวซ์ ที่ดูเรียบหรู ปราณีต และมอบคุณค่าในระดับสูง

จิตวิญญาณแห่งนวัตกรรมตั้งแต่ปี 1975

แบรนด์ มอริส ลาครัวซ์ ถูกก่อตั้งขึ้นในปี 1975 และได้แสวงหาวิธีใหม่ๆ ในการบอกเวลาอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่ได้ก้าวขึ้นมาเป็นผู้ผลิตนาฬิกาในปี 2007 แบรนด์ก็ได้เปิดตัวนาฬิกาที่สะเทือนวงการหลายรุ่น รวมถึง Masterpiece Square Wheel (2010) Masterpiece Mysterious Seconds (2013) อันชาญฉลาด และ Masterpiece Gravity (2014) โดยบริษัทได้พบกับจุดเปลี่ยนในประวัติศาสตร์ครั้งสำคัญในปี 2014 เมื่อทีมสร้างสรรค์ได้สำรวจเรือนเวลาดั้งเดิมของบริษัท และพบกับนาฬิการุ่น Calypso ซึ่งเปรียบดั่งอัญมณีที่ถูกลืม มอริส ลาครัวซ์ ได้รังสรรค์นาฬิการุ่นนี้ขึ้นมาใหม่สำหรับกลุ่มคนยุคใหม่ผ่านการเปิดตัวนาฬิการุ่น AIKON ในปี 2016 ซึ่งเป็นนาฬิกาสไตล์คนเมืองที่โดนใจทั้งกลุ่มคนรุ่นมิลเลนเนียลกับเจนซี และได้ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากนับตั้งแต่นั้นมา

ในปัจจุบันมอริส ลาครัวซ์ได้เฉลิมฉลองครบรอบ 50 ปีด้วยการเปิดตัวคอลเลคชั่น 1975 ซึ่งเป็นนาฬิกาซีรีส์ใหม่ที่ได้รับการสร้างสรรค์ขึ้นมาอย่างประณีตเพื่อครองใจผู้ชื่นชอบนาฬิกา โดยนาฬิกาแต่ละรุ่นล้วนได้รับแรงบันดาลใจแบบวินเทจ แต่กลับเหมาะสมกับวิถีชีวิตสมัยใหม่เป็นอย่างยิ่ง ยิ่งไปกว่านั้น นาฬิกาแต่ละเรือนยังยึดมั่นในสูตรแห่งชัยชนะของแบรนด์ผ่านการส่งมอบงานฝีมือแบบสวิสที่ผสานเข้ากับคุณค่าในระดับสูง ในขณะที่พัฒนาคอลเลคชั่นใหม่ ทีมสร้างสรรค์ของแบรนด์ได้นำ Les Classique ซึ่งเป็นชุดนาฬิกาที่เปิดตัวครั้งแรกในปี 1988 กลับมาอีกครั้ง โดยได้ตีความนาฬิกาแต่ละรุ่นขึ้นใหม่ในสไตล์เรโทรโมเดิร์นผ่านการนำวัสดุใหม่อันหรูหรามาใช้

คอลเลคชั่น Maurice Lacroix 1975 ประกอบไปด้วยรุ่นนาฬิกากลไกอัตโนมัติ และระบบควอตซ์เพื่อเอาใจคนเมืองด้วยตัวเลือกนาฬิกาที่หลากหลายซึ่งสอดคล้องกับรสนิยมสมัยใหม่ นาฬิกาแต่ละเรือนมีให้เลือกในหลายขนาด พร้อมด้วยดีไซน์หน้าปัดและสายนาฬิกาหลายแบบ โดยแต่ละรุ่นล้วนมีรูปลักษณ์ที่โฉบเฉี่ยว สง่างาม และดูดีมีสไตล์เหนือกาลเวลา

แรงบันดาลใจแบบวินเทจที่เปี่ยมไปด้วยเสน่ห์อันทันสมัย

ความสง่างามและความหลากหลายในสไตล์ที่เหนือกาลเวลา

Maurice Lacroix 1975 Automatic มีวางจำหน่ายในรุ่นขนาดตัวเรือน 36 มม. และ 40 มม. ซึ่งได้ผสานรวมความงดงามแบบวินเทจเข้ากับความเชี่ยวชาญด้านกลไกนาฬิกาของสวิส มอริส ลาครัวซ์ เชื่อมั่นในการนำเสนอตัวเลือกให้กับผู้บริโภคนับตั้งแต่แรกเริ่มก่อตั้ง ด้วยเหตุนี้ แบรนด์สวิสนี้จึงได้นำเสนอนาฬิการุ่น 1975 Quartz ในตัวเรือนขนาด 39 มม. เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าที่ชื่นชอบกลไกระบบควอตซ์อีกด้วย นาฬิการุ่นกลไกอัตโนมัติ และระบบควอตซ์จะมาพร้อมตัวเลือกสีหน้าปัด 3 สี อันได้แก่ น้ำเงิน ดำ และเงิน

เข็มบอกชั่วโมงและนาทีในสไตล์โดฟินสุดคลาสสิกที่ทำงานผสานกับหลักชั่วโมงทรงสี่เหลี่ยมคางหมูได้ถูกรังสรรค์ขึ้นด้วยมือเพื่อบอกเวลาในปัจจุบัน เข็มนาฬิกาและหลักชั่วโมงได้รับการตกแต่งและขัดเงาด้วยเพชร ในขณะที่หน้าปัดได้รับการตกแต่งด้วยลวดลายซันบรัชที่หยอกล้อกับแสงได้อย่างน่ามหัศจรรย์ โดยช่องวันที่จะแสดงอยู่ตรงตำแหน่ง 3 นาฬิกาสำหรับรุ่นกลไกอัตโนมัติ และ 6 นาฬิกาสำหรับรุ่นระบบควอตซ์ หน้าปัดยังมาพร้อมกับเส้นสายที่คมชัด ในขณะที่เข็มวินาทีตรงกลางได้อัดแน่นไปด้วยฟังก์ชันต่างๆ ที่ครบถ้วน

งานฝีมือแบบสวิสในสไตล์คนเมือง

มอริส ลาครัวซ์ มุ่งมั่นที่จะนำเสนอความเชี่ยวชาญของแบรนด์ผ่านการออกแบบคอลเลคชั่น 1975 แต่ละรุ่นด้วยตัวเรือนแบบ “Masterpiece Specification” ซึ่งผสานรวมพื้นผิวแบบด้านและแบบขัดเงาเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว และขอบตัวเรือนยังเผยผิวสัมผัสที่แตกต่างกันอย่างซับซ้อนเมื่อมองดูอย่างใกล้ชิด ซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องอาศัยทักษะเป็นอย่างมาก ผิวสัมผัสแบบผสมผสานนี้ยังปรากฏอยู่บนสายเหล็ก 5 แถวโฉมใหม่ที่มาพร้อมชุดตัวล็อคแบบพับได้ นอกจากนี้ นาฬิกาแต่ละเรือนยังมาพร้อมกับสายหนังที่มีสีเข้ากัน โดยมีโลโก้ Maurice Lacroix แบบนูนและยึดเข้ากับตัวเรือนด้วยตัวล็อค

ตัวเลือกสายนาฬิกามาพร้อมกับระบบเปลี่ยนสายนาฬิกาแบบง่ายของมอริส ลาครัวซ์ โดยคุณสมบัตินี้ช่วยให้ผู้สวมใส่สามารถปรับเปลี่ยนรูปลักษณ์ของนาฬิกาได้โดยการสลับสายนาฬิกาด้วยการกดง่ายๆ เพียงไม่กี่ครั้ง

แม้ว่านาฬิการุ่นกลไกอัตโนมัติและระบบควอตซ์ของคอลเลคชั่น 1975 จะมีความแตกต่างกันเล็กน้อย แต่นาฬิกาทุกรุ่นล้วนได้รับการออกแบบตัวเรือนและสายนาฬิกาอย่างประณีตแบบเดียวกัน ซึ่งจะมองเห็นความคล้ายคลึงของรุ่นนาฬิกาได้อย่างชัดเจน